เกมนัดกระชับมิตรเมื่อคืนระหว่างทัพอังกฤษกับสหรัฐฯ หากมองเผิน ๆ ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนบอลอังกฤษหรือแฟนบอลของ เวย์น รูนี่ย์ จะรู้ว่านี่คือแมตช์สำคัญที่พวกเขาห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะมันคือแมตช์สั่งลาในนามทีมชาติของดาวยิงหุ่นอวบรายนี้ นั่นหมายถึงเราจะไม่ได้เห็นเขาสวมเสื้อ “สิงโตคำราม” ในการลงสนามวาดลวดลายให้กับทีมชาติอังกฤษอีกแล้ว นึกไปนึกมาก็แอบใจหลายเล็ก ๆ เหมือนกัน
ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าอดีตดาวยิงของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือตัวเลือกอันดับ 1 ในนามทีมชาติอังกฤษเสมอมา ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฟอร์มที่ดีหรือไม่ดีกับต้นสังกัด แต่เมื่อยามใส่ชุด “ทรี ไลอ้อน” แล้ว เขามักทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอ น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่สามารถสร้างเกียรติประวัติอะไรในนามทีมชาติได้มากนักเพราะเราเองก็คงรู้กันดีว่าอังกฤษมีปัจจัยหลาย ๆ ด้านที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในเวทีใหญ่ ๆ มากนัก แต่สำหรับตัว รูนี่ย์ เอง ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเหมือนกันกับสถิติที่เขาได้ทำเอาไว้กับทีมชาติด้วยการลงสนาม 120 เกม ทำประตูไปทั้งหมด 53 ลูก นับเป็นกองหน้าที่ยิงได้สม่ำเสมอไม่น้อยเหมือนกัน
เวลานี้หลายคนอาจหลงลืมไปว่าเขาเคยเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งด้วย แฮร์รี่ เคน กลายเป็นตัวเลือกประจำทีมไปเรียบร้อย แต่ถ้าลองนึกถึงช่วงเวลาที่ดาวเตะผู้นี้เล่นแบบพีค ๆ ก็ไม่มีกองหลังรายไหนของโลกหยุดเขาได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ด้วยความมุทะลุดุดันแบบไม่เกรงกลัวใคร สามารถยิงได้จากทั้ง 2 เท้า พาบอลไปกับตัวได้ดี ทั้งๆ ที่ดูหุ่นในตอนแรกไม่น่าจะเล่นได้เท่าไหร่ ทั้งหมดนี้คือพลังงานแฝงที่อยู่ในตัวของดาวเตะเลือดผู้ดีที่จงรักภักดีรับใช้ชาติมายาวนาน ยิ่งตอนนี้เขาไปค้าแข้งในสหรัฐฯ ด้วยแล้ว มันเลยกลายเป็นช่วงท้ายของชีวิตค้าแข้งที่เก็บเงินเก็บทองเอาไว้หลังจากแขวนสตั๊ดดีกว่า
หากบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมของโลกฟุตบอลคงไม่ผิด แฟนบอลเห็นตั้งแต่สมัยเขาเป็นดาวรุ่งก้าวขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตันก่อนย้ายมาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู่ปลายอาชีพค้าแข้งของเจ้าตัวแล้ว อย่างน้อย ๆ ในฐานะแฟนบอลก็คงบอกอะไรไม่ได้มากนอกจากการขอบคุณที่ทำให้ครั้งหนึ่งเราได้เห็นทีมชาติอังกฤษเล่นได้อย่างสนุกสนาน น่าประทับใจ ด้วยหัวหอกตัวความหวังสูงสุดผู้ที่ไม่เคยครั้นคร้ามต่อสิ่งไหนทั้งสิ้นนามว่า เวย์น รูนี่ย์